เส้นเลือดขอด: เมื่อใส่ถุงน่องแล้วขาไม่ยุบ อาจถึงเวลาหาสาเหตุที่แท้จริง

โดย | บทความเส้นเลือดขอด

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ กิตติพันธุ์  ฤกษ์เกษม

Leg Vein Clinic Thailand

ในปัจจุบัน ผู้ที่มีเส้นเลือดขอด (Varicose Veins หรือ VV) มักได้รับคำแนะนำเบื้องต้นจากแพทย์หรือร้านขายยาว่า “ให้ลองใส่ถุงน่อง” เพื่อช่วยลดอาการบวมและปวดขา ซึ่งในบางรายก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ในอีกหลายรายกลับบ่นว่า “ขายังบวมเหมือนเดิม” หรือ “ใส่แล้วอึดอัด เดินลำบาก” จนสุดท้ายก็เลิกใส่ไปโดยไม่ได้รับการรักษาที่ตรงจุด

 

ในฐานะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นเลือดขอด ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอดไม่ใช่การรักษา แต่เป็นเพียงวิธี “ประคับประคอง” อาการเท่านั้น และที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้ที่มีอาการบวม ปวด หนักขา หรือขาเปลี่ยนสี ควรได้รับการตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด โดยเฉพาะด้วยการ ตรวจอัลตราซาวด์หลอดเลือด (Venous Ultrasound) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวินิจฉัยว่ามี “จุดรั่ว” ของหลอดเลือดดำอยู่บริเวณใด

ภาพขาในขณะใส่ถุงน่อง


ทำไมเส้นเลือดขอดถึงทำให้ขาบวม?

เส้นเลือดขอดเกิดจากความผิดปกติของ “ลิ้นหลอดเลือดดำ (Venous Valves)” ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับลงขา เมื่อใดที่ลิ้นเหล่านี้เสื่อมสภาพหรือปิดไม่สนิท เลือดจะไหลย้อนลงมาที่ขา ทำให้เกิดแรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้นจนผนังหลอดเลือดโป่งพองออกมา กลายเป็นเส้นเลือดขอดที่เห็นได้ชัด

 

เมื่อเลือดไหลย้อนและคั่งอยู่นาน จะเกิดการบวมของเนื้อเยื่อโดยรอบ โดยเฉพาะในช่วงเย็นหรือหลังยืนนาน ๆ ผู้ป่วยมักรู้สึก ขาหนัก ปวดตึง หรือบวม ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของภาวะหลอดเลือดดำเสื่อมเรื้อรังที่เรียกว่า chronic venous insufficiency หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจพัฒนาเป็น แผลเรื้อรัง ผิวคล้ำเป็นสีน้ำตาล หรือเส้นเลือดอักเสบ ได้ในที่สุด

ภาพแสดงเส้นเลือดขอดรุนแรง จนกระทั่งขาสีน้ำตาลทั้งสองขา


ถุงน่อง: รักษาหรือเพียงแค่ช่วยบรรเทา?

การใส่ถุงน่องทางการแพทย์ (Compression Stocking) มีประโยชน์แน่นอนในแง่ของการช่วยพยุงแรงดันในหลอดเลือด ลดอาการบวม และชะลอการดำเนินโรค แต่สิ่งที่ควรเข้าใจคือ ถุงน่องไม่สามารถซ่อมแซม “ลิ้นหลอดเลือดที่รั่ว” ได้  กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถุงน่องทำหน้าที่เพียง “ชดเชย” การทำงานของหลอดเลือดที่ผิดปกติ แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุจริง หากถอดถุงน่องเมื่อไร อาการก็มักกลับมาเหมือนเดิม

 

ดังนั้น ถ้าคุณใส่ถุงน่องแล้วขาไม่ยุบหรือยังรู้สึกบวม นั่นเป็นสัญญาณสำคัญว่าอาจมี จุดรั่ว” ของเส้นเลือดขอดที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม มากกว่าการพึ่งถุงน่องอย่างเดียว

 

การตรวจอัลตราซาวด์: ขั้นตอนสำคัญที่สุดในการวินิจฉัย

การตรวจอัลตราซาวด์หลอดเลือด (Venous Duplex Ultrasound) เป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ และใช้เวลาสั้น เพื่อตรวจดูว่ามี “การรั่วของหลอดเลือดดำ” ที่ตำแหน่งใด

 

โดยทั่วไป จุดรั่วมักพบบริเวณ ขาหนีบ (Saphenofemoral Junction – SFJ) หรือ หลังเข่า (Saphenopopliteal Junction – SPJ) เมื่อตรวจพบจุดรั่ว แพทย์สามารถวางแผนการรักษาให้ตรงจุดได้ เช่น การทำเลเซอร์ปิดหลอดเลือดดำที่รั่ว เพื่อให้เลือดกลับไปไหลเวียนในระบบหลอดเลือดที่ปกติแทน นี่คือเหตุผลว่าทำไม “การตรวจอัลตราซาวด์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ” จึงสำคัญกว่าการพิจารณาเพียงจากลักษณะภายนอกของเส้นเลือดขอด

ภาพซ้ายแสดงการตรวจอัลตร้าซาวด์บริเวณขาหนีบซ้าย  ภาพขวาแสดงการรั่วของลิ่นหลอดเลือดจากการจตรวจอัลตร้าซาวด์


การรักษาด้วยเลเซอร์: ปลอดภัย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

การรักษาเส้นเลือดขอดด้วย เลเซอร์ (Endovenous Laser Ablation – EVLA) เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในปัจจุบัน เพราะสามารถรักษาได้ตรงจุด โดยเฉพาะในผู้ที่มี “การรั่วของหลอดเลือดดำใหญ่”

ขั้นตอนนี้ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ แพทย์จะใส่สายเลเซอร์เข้าไปในหลอดเลือดผ่านเข็มขนาดเล็ก แล้วใช้พลังงานเลเซอร์ปิดหลอดเลือดที่รั่วภายในไม่กี่นาที หลังทำผู้ป่วยสามารถ “เดินกลับบ้านได้ทันที” ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 วัน หลายคนเรียกการรักษานี้ว่า “เลเซอร์เหมือนทำฟัน” เพราะใช้เวลาไม่นาน เจ็บน้อย และปลอดภัยสูง

ภาพแสดงเมื่อสายเลเซอร์สอดไปในหลอดเลือดขอดและทำลายโดยการปล่อยแสง


ใครบ้างที่ควรรักษาเส้นเลือดขอด?

แพทย์จะพิจารณารักษาเฉพาะผู้ที่มี ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ (Medical Indications) ซึ่งได้แก่

  • มีอาการปวด หนัก หรือเมื่อยขา
  • มีอาการขาบวม โดยเฉพาะตอนเย็น
  • ผิวหนังบริเวณข้อเท้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือมีรอยดำ
  • มีแผลเรื้อรังจากเส้นเลือดขอด
  • มีอาการอักเสบหรือลิ่มเลือดหรือมีเลือดออกในเส้นเลือดตื้น

ผู้ที่ไม่มีอาการเหล่านี้อาจยังไม่จำเป็นต้องทำการรักษา แต่สามารถ เฝ้าระวังและดูแลแบบประคับประคอง เช่น ใส่ถุงน่อง ออกกำลังกาย เดินให้มาก หลีกเลี่ยงการยืนนาน และควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม หากมีเส้นเลือดขอดที่เห็นชัดเจนและ รู้สึกไม่สวยงาม หรือกังวลว่าจะลุกลามในอนาคต ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาเชิงป้องกันได้เช่นกัน


เส้นเลือดขอดไม่ได้เหมือนกันทุกคน

ผู้ป่วยแต่ละคนมีลักษณะของเส้นเลือดขอดแตกต่างกัน บางรายเกิดจากหลอดเลือดใหญ่รั่ว (saphenous reflux) บางรายเกิดเฉพาะเส้นเลือดฝอยหรือเส้นขนาดเล็กที่ผิว (reticular veins, spider veins) ซึ่งแนวทางการรักษาก็ไม่เหมือนกัน

ดังนั้น การเลือกแนวทางรักษา เช่น เลเซอร์, ฉีดยา (Sclerotherapy), หรือ Phlebectomy ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์เฉพาะทางด้านหลอดเลือด ไม่ควรตัดสินใจจากคำแนะนำทั่วไปหรือจากสื่อออนไลน์ เพราะอาจทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น


สรุป: อย่าปล่อยให้ถุงน่องกลายเป็นคำตอบเดียวของเส้นเลือดขอด

การใส่ถุงน่องเป็นเพียง “ทางออกชั่วคราว” ไม่ใช่การรักษา ถ้าคุณมีอาการขาบวม ปวด หนักขา ผิวคล้ำ หรือมีแผล ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะเมื่อรู้จุดรั่วของหลอดเลือดแล้ว การรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การทำเลเซอร์ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างปลอดภัยและถาวร

เส้นเลือดขอดไม่ใช่โรคที่ต้องทนอยู่กับมันตลอดไป
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน การรักษาไม่รุนแรง ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และผลลัพธ์ดีในระยะยาว

ดังนั้น หากคุณกำลังใส่ถุงน่องอยู่แต่ยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการบวมและปวดขา อย่ารอให้โรคลุกลาม มาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจอัลตราซาวด์และรับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่วันนี้