เส้นเลือดขอด…อันตรายกว่าที่คิด หรือแค่เรื่องความสวยงาม?

โดย | บทความเส้นเลือดขอด

หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า “เส้นเลือดขอด” ก็มักจะนึกถึงเพียงปัญหาความสวยงาม ภาพในหัวคือเส้นเลือดปูดเขียว ๆ หรือเส้นเลือดฝอยแดง ๆ ที่โผล่ขึ้นมาบนขา บางคนอาจบอกว่า “ก็แค่ไม่สวย” หรือ “เอาไว้ใส่กางเกงปิดก็จบ”

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดขอดที่ขาและมีผิวหนังสีน้ำตาลที่ข้อเท้า ภาพขวาแสดงเส้นเลือดฝอยที่รอบข้อเท้า

แต่ความจริงแล้ว เส้นเลือดขอดมีอะไรมากกว่านั้น และบางครั้งอาจส่งผลถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเส้นเลือดขอด ผมพบผู้ป่วยจำนวนมากที่ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงปัญหาภายนอก แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้กลับพัฒนาไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง หรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง 

ความทุกข์จาก “ความไม่สวยงาม” ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก

แม้เส้นเลือดขอดจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตทันที แต่ผลกระทบต่อจิตใจก็ไม่ควรถูกมองข้าม หลายคนต้องเปลี่ยนการแต่งตัวทั้งหมดจากเดิมที่ชอบใส่กระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้น กลายเป็นต้องใส่กระโปรงยาวหรือกางเกงคลุมตลอดเวลาเพราะไม่มั่นใจในรูปร่างขา

ตัวอย่างผลกระทบที่ผู้ป่วยมักเจอ ได้แก่:

  • ถูกทักว่า “เส้นปูดเหมือนงูเลื้อยบนขา”
  • มีเส้นเลือดฝอยแตกเต็มขา
  • ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าที่เปิดขา ทำให้ขาดความมั่นใจในชีวิตประจำวัน

ปัจจุบันการรักษาเส้นเลือดขอดเพื่อความสวยงามทำได้ง่ายขึ้นมาก มีทั้งการฉีดยา และการใช้เลเซอร์ ไม่ต้องผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่เดินกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

เส้นเลือดขอด…ไม่ใช่เรื่องความสวยงามเพียงอย่างเดียว

เส้นเลือดขอดสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะเส้นเลือดขอดขนาดใหญ่และปล่อยทิ้งไว้นาน

1. ผิวหนังเปลี่ยนสี

เกิดจากเลือดคั่งในขาเป็นเวลานาน เม็ดเลือดแดงรั่วออกมานอกหลอดเลือด และธาตุเหล็กสะสมในผิวหนัง ทำให้ผิวเป็นสีน้ำตาลคล้ำ หลายคนคิดว่าเป็น “กระ” หรือ “ผิวสกปรก”

2. แผลเรื้อรังที่หายยาก

เกิดจากผิวหนังขาดออกซิเจนและอักเสบเรื้อรัง มักพบรอบข้อเท้า โดยเฉพาะด้านในของข้อเท้า หายช้า อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี

ภาพแสดงแผลหายช้าที่เป็นผลมาจากเส้นเลือดขอดมานาน

3. เส้นเลือดขอดแตก เลือดพุ่ง

ผนังหลอดเลือดขอดเปราะ แตกได้จากการเกา การกระแทก หรือเบ่งในห้องน้ำ เลือดพุ่งแรงคล้ายน้ำจากท่อประปา อาจเสียเลือดมากจนเป็นอันตราย

4. ลิ่มเลือดในเส้นเลือดขอด

ภาพแสดงเส้นเลือดขอดที่มีอาการแข็งแดง อักเสบ มีลิ่มเลือดในเส้นเลือดขอด

ทำไมไม่ควรปล่อยเส้นเลือดขอดทิ้งไว้

  • รักษาเร็ว ผลลัพธ์ดีกว่า และแผลหายเร็ว
  • ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลเรื้อรังหรือเส้นเลือดแตก
  • ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาในระยะที่เป็นมากแล้ว
  • หลอดเลือดยังไม่ขยายใหญ่มาก ทำให้การรักษาง่ายขึ้น

วิธีการรักษาเส้นเลือดขอดในปัจจุบัน

  1. การฉีดยา (Sclerotherapy)
    – เหมาะสำหรับเส้นเลือดขอดขนาดเล็กและเส้นเลือดฝอย
    – ทำให้ผนังหลอดเลือดติดกันและสลายไป
  2. เลเซอร์หรือคลื่นความถี่วิทยุ (Endovenous Laser / Radiofrequency Ablation)
    – เหมาะสำหรับเส้นเลือดขอดขนาดกลางถึงใหญ่
    – ใช้ความร้อนปิดหลอดเลือดที่ผิดปกติ แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  3. การรักษาด้วยกาวชีวภาพ (Glue / VenaSeal)

– ใช้กาวทางการแพทย์ปิดหลอดเลือดขอดโดยไม่ใช้ความร้อน

– เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ส่วนใหญ่ไม่ต้องใส่ถุงน่องหลังทำ เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน

ภาพขาก่อน (ภาพซ้าย) และหลัง (ภาพขวา)การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการรักษาเลเซอร์

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เส้นเลือดขอดเกิดจากอะไร?
เกิดจากความผิดปกติของลิ้นในหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไหลย้อนและคั่ง ปัจจัยเสี่ยง เช่น พันธุกรรม การยืน/เดินนาน การตั้งครรภ์ น้ำหนักเกิน และอายุที่มากขึ้น

เส้นเลือดขอดอันตรายไหม?
ไม่อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้อาจเกิดผิวคล้ำ แผลเรื้อรัง เส้นแตก หรือภาวะลิ่มเลือด

ต้องผ่าตัดหรือไม่?
ส่วนใหญ่ไม่ต้อง ปัจจุบันมีการฉีดยา เลเซอร์และคลื่นความถี่วิทยุ ที่เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว

รักษาแล้วจะกลับมาเป็นอีกไหม?
อาจเป็นซ้ำได้ ขึ้นกับพันธุกรรมและปัจจัยเสี่ยง ต้องติดตามและดูแลอย่างต่อเนื่อง

จำเป็นต้องใส่ถุงน่องทางการแพทย์หรือไม่?
ขึ้นกับอาการและความรุนแรง เพื่อช่วยลดบวม ปวด และชะลอการลุกลาม

 

ถึงเวลาที่คุณจะเลิกปิดบังขา…และกลับมาโชว์ได้อย่างมั่นใจ

ถ้าคุณมีเส้นเลือดขอด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อย่ารอให้เกิดภาวะแทรกซ้อน การตรวจและรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะได้ผลดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
นัดหมายเพื่อตรวจและวางแผนการรักษากับเรา เพื่อให้คุณกลับมามีขาที่สวย สุขภาพดี และมั่นใจอีกครั้ง

 

าสตราจารย์ ดร. นพ. กิตติพันธุ์ ฤกษ์เกษม

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด

อนุมัติบัตรศัลยศาสตร์หลอดเลือด จากแพทย์สภา

 

ติดต่อเรา

Tel 053 413066, 095 4674601

LINE: @kittipan.clinic

Website: www.legveinclinicthailand.com

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดขอดที่น่องซ้าย ภาพขวาแสดงเส้นเลือดฝอยที่บริเวณข้อเท้าขวา

แม้เส้นเลือดขอดจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถ้าลุกลามอาจทำให้เกิดแผลเรื้อรัง เลือดออกรุนแรงหรือเส้นเลือดอักเสบได้ การป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงสำคัญมาก

5 วิธีป้องกันเส้นเลือดขอดที่บ้าน

  1. ใส่ถุงน่องแรงดัน (Compression Stockings) ถุงน่องเฉพาะโรคสำหรับโรคเส้นเลือดขอด
  • ช่วยบีบหลอดเลือดดำให้เลือดไหลเวียนกลับหัวใจได้ดี
  • ลดอาการปวด บวม และชะลอการลุกลามของเส้นเลือดขอด
  • ควรเลือกชนิดและแรงดันให้เหมาะสมโดยปรึกษาแพทย์

ภาพแสดงการใส่ถุงน่อง

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การขยับร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อขาทำงานเหมือน “ปั๊มเลือด”
ตัวอย่างการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน:

  • เดินเร็ว (Walking)
  • ยกส้นเท้า (Calf Raises)
  • หมุนข้อเท้า (Ankle Rotations)
  • ปั่นจักรยานในอากาศ (Bicycle Legs)
  1. ยกขาสูงวันละหลายครั้ง
  • การนอนยกขาสูงเหนือระดับหัวใจ 15–30 นาที วันละ 2–3 ครั้ง
  • ช่วยให้เลือดคั่งในหลอดเลือดขาน้อยลง
  • ลดอาการปวดและบวม โดยเฉพาะหลังยืนนาน ๆ
  1. หลีกเลี่ยงการยืนนานหรือนั่งนานเกินไป
  • คนที่ทำงานยืน เช่น พนักงานขาย ครู พยาบาล มีความเสี่ยงสูง
  • ถ้าจำเป็นต้องยืน ควร “ขยับเท้า” หรือ “ก้าวเดินเล็ก ๆ” ทุก 30–60 นาที
  • ถ้านั่งทำงานนาน ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหรือเดินบ้าง
  1. ควบคุมน้ำหนักและลดอาหารเค็ม
  • ภาวะอ้วน เพิ่มแรงดันในหลอดเลือดดำที่ขา ทำให้เสี่ยงเส้นเลือดขอดมากขึ้น
  • ควรกินผัก ผลไม้ ดื่มน้ำเพียงพอ และลดโซเดียม

เมื่อไรควรพบแพทย์?

  • เห็นเส้นเลือดปูดชัดเจนคล้ายเชือกที่ขา
  • มีเส้นฝอยคล้ายใยแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • ปวด หนักขา หรือบวมจนรบกวนชีวิตประจำวัน

แพทย์สามารถประเมินและให้การรักษา เช่น การฉีดยา (Sclerotherapy), เลเซอร์รักษาหลอดเลือด (Endovenous Laser) หรือการรักษาแบบไม่ผ่าตัดอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันทำได้สะดวกและปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยา เพียงฉีดยาชาก็สามารถทำได้ ทำให้การรักษาเส้นเลือดขอดปัจจุบัน เป็นการรักษาแบบเดินมาเดินกลับได้เลย

สรุป

การป้องกันเส้นเลือดขอดสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ได้แก่

  1. ใส่ถุงน่องแรงดัน
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  3. ยกขาสูง
  4. หลีกเลี่ยงการยืนนานหรือนั่งนาน
  5. ควบคุมน้ำหนักและลดอาหารเค็ม

แม้ว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการได้ แต่ ถ้ามีเส้นเลือดขอดแล้ว เพื่อการรักษาในการกำจัดเส้นเลือดเหล่านี้ถาวร  ควรรีบพบแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านหลอดเลือดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง