เส้นเลือดขอดที่ใบหน้า: ปัญหาความงามที่รักษาได้ด้วยวิธีทางการแพทย์

โดย | บทความเส้นเลือดขอด

เส้นเลือดขอดที่ใบหน้า: ปัญหาความงามที่รักษาได้ด้วยวิธีทางการแพทย์

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ กิตติพันธุ์ ฤกษ์เกษม
Leg Vein Clinic Thailand

บทนำ
หลายคนเคยกังวลเมื่อส่องกระจกแล้วพบว่า บริเวณแก้ม ข้างจมูก หรือใต้ตา มีเส้นเลือดเล็ก ๆ สีเขียวหรือสีม่วงปรากฏให้เห็นชัดเจน ปัญหานี้คือ “เส้นเลือดขอดที่ใบหน้า (Facial Varicose Veins)” ซึ่งแม้จะไม่อันตรายต่อชีวิต แต่ก็มักสร้างความกังวลใจด้านความสวยงามและความมั่นใจ
บทความนี้จะอธิบายอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับสาเหตุ อันตรายที่ควรรู้ และวิธีการรักษาที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

เส้นเลือดขอดที่ใบหน้าคืออะไร?
เส้นเลือดขอดที่ใบหน้า คือภาวะที่เส้นเลือดฝอยหรือเส้นเลือดดาเล็ก ๆ ขยายตัวจนมองเห็นได้ชัดเจนผ่านผิวหนัง ลักษณะอาจเป็นเส้นตรง เส้นโค้ง หรือแตกกระจายคล้ายใยแมงมุม (spider veins)

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดเขียวที่บริเวณขมับซ้าย ภาพขวาแสดงเส้นเลือดปูดที่หน้าผาก

ตาแหน่งที่พบบ่อย:
•บริเวณแก้มและข้างจมูก
•รอบดวงตา
•หน้าผาก
•ขมับ

สาเหตุของเส้นเลือดขอดที่ใบหน้า
1.พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติเส้นเลือดขอดที่ใบหน้า โอกาสเกิดกับลูกก็สูงขึ้น
2.การเชื่อมผิดปกติของหลอดเลือด เกิดจากรอยต่อระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดา ทาให้เกิดแรงดันสูงในเส้นเลือดฝอย ทาให้โป่งได้ ส่วนมากมักเกิดหลังอุบัติเหตุ
3.ภาวะหลอดเลือดดาตีบตันในทรวงอก เลือดไม่สามารถไหลกลับหัวใจได้ปกติ จึงหาทางลัดขึ้นมาบริเวณใบหน้า

ภาพแสดงเส้นเลือดปูดบริเวณขมับขวาผลจากหลอดเลือดดาใหญ่ในอกตีบตัน จึงมีเลือดไหลย้อนมาที่หน้า

4.โครงสร้างผิวหนังบาง คนที่มีผิวขาวหรืออายุเยอะ มักเห็นเส้นเลือดชัดกว่าคนทั่วไป
เส้นเลือดขอดที่ใบหน้าอันตรายหรือไม่?
•ส่วนใหญ่ไม่อันตราย เป็นเพียงปัญหาด้านความสวยงาม
•แต่ควรระวัง หากเส้นเลือดเกิดจากโรคหลอดเลือดใหญ่ เช่น การอุดตันในทรวงอก ควรตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม

วิธีการรักษาเส้นเลือดขอดที่ใบหน้า
1. การฉีดยาเข้าเส้นเลือด (Sclerotherapy)
แพทย์จะฉีดยาพิเศษเข้าไปในเส้นเลือด ทาให้ผนังเส้นเลือดติดกันและยุบหายไป
•ข้อดี: ผลลัพธ์ชัดเจน เหมาะกับเส้นเลือดขนาดกลาง-ใหญ่
•ข้อเสีย: อาจเกิดรอยช้าชั่วคราว

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดปูดที่ขมับขวา ภาพขวาเส้นเลือดเห็นชัดขึ้นเมื่อส่องด้วยไฟฉายแสงอินฟราเล

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดที่ขมับขวาปูดก่อนทาการฉีดยา ภาพกลางหลังทา 3 วัน ภาพขวาหลังทา 3 เดือน

2. เลเซอร์ผิวหนัง (Laser Therapy)
ใช้พลังงานเลเซอร์ทาให้เส้นเลือดฝ่อและจางหายไป
•ข้อดี: เหมาะกับเส้นเลือดเล็กหรือเส้นฝอย
•ข้อเสีย: อาจต้องทาหลายครั้ง ค่าใช้จ่ายสูงกว่าฉีดยา

3. การรักษาร่วมกัน (Combined Therapy)
บางรายอาจใช้ทั้ง เลเซอร์ + ฉีดยา เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
ข้อควรรู้ก่อนรักษา
•ควรทาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือด
•ห้ามทาเองหรือซื้อยามาฉีดเอง
•หลังรักษาควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และใช้ครีมกันแดดอย่างสม่าเสมอ

ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคค

FAQ: คาถามที่พบบ่อย
Q: เส้นเลือดขอดที่ใบหน้าจะหายเองได้ไหม? A: ส่วนใหญ่ไม่หายเอง ต้องใช้การรักษาทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์หรือฉีดยา
Q: การรักษาเจ็บไหม? A: เจ็บเล็กน้อยคล้ายการฉีดยา หรืออุ่นเล็กน้อยตอนเลเซอร์ แต่ทนได้
Q: หลังรักษาต้องพักฟื้นนานไหม? A: ไม่จาเป็น สามารถใช้ชีวิตประจาวันได้ทันที แต่ควรเลี่ยงแดดจัด
Q: จะกลับมาเป็นอีกหรือไม่? A: เส้นที่รักษาแล้วมักหายถาวร แต่เส้นใหม่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

สรุป
เส้นเลือดขอดที่ใบหน้าเป็นปัญหาความงามที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจ แต่ปัจจุบันการแพทย์มีวิธีรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลดี เช่น การฉีดยาและเลเซอร์ หากทาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์จะช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใสและเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมาก

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดขอดที่น่องซ้าย ภาพขวาแสดงเส้นเลือดฝอยที่บริเวณข้อเท้าขวา

แม้เส้นเลือดขอดจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถ้าลุกลามอาจทำให้เกิดแผลเรื้อรัง เลือดออกรุนแรงหรือเส้นเลือดอักเสบได้ การป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงสำคัญมาก

5 วิธีป้องกันเส้นเลือดขอดที่บ้าน

  1. ใส่ถุงน่องแรงดัน (Compression Stockings) ถุงน่องเฉพาะโรคสำหรับโรคเส้นเลือดขอด
  • ช่วยบีบหลอดเลือดดำให้เลือดไหลเวียนกลับหัวใจได้ดี
  • ลดอาการปวด บวม และชะลอการลุกลามของเส้นเลือดขอด
  • ควรเลือกชนิดและแรงดันให้เหมาะสมโดยปรึกษาแพทย์

ภาพแสดงการใส่ถุงน่อง

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การขยับร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อขาทำงานเหมือน “ปั๊มเลือด”
ตัวอย่างการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน:

  • เดินเร็ว (Walking)
  • ยกส้นเท้า (Calf Raises)
  • หมุนข้อเท้า (Ankle Rotations)
  • ปั่นจักรยานในอากาศ (Bicycle Legs)
  1. ยกขาสูงวันละหลายครั้ง
  • การนอนยกขาสูงเหนือระดับหัวใจ 15–30 นาที วันละ 2–3 ครั้ง
  • ช่วยให้เลือดคั่งในหลอดเลือดขาน้อยลง
  • ลดอาการปวดและบวม โดยเฉพาะหลังยืนนาน ๆ
  1. หลีกเลี่ยงการยืนนานหรือนั่งนานเกินไป
  • คนที่ทำงานยืน เช่น พนักงานขาย ครู พยาบาล มีความเสี่ยงสูง
  • ถ้าจำเป็นต้องยืน ควร “ขยับเท้า” หรือ “ก้าวเดินเล็ก ๆ” ทุก 30–60 นาที
  • ถ้านั่งทำงานนาน ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหรือเดินบ้าง
  1. ควบคุมน้ำหนักและลดอาหารเค็ม
  • ภาวะอ้วน เพิ่มแรงดันในหลอดเลือดดำที่ขา ทำให้เสี่ยงเส้นเลือดขอดมากขึ้น
  • ควรกินผัก ผลไม้ ดื่มน้ำเพียงพอ และลดโซเดียม

เมื่อไรควรพบแพทย์?

  • เห็นเส้นเลือดปูดชัดเจนคล้ายเชือกที่ขา
  • มีเส้นฝอยคล้ายใยแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • ปวด หนักขา หรือบวมจนรบกวนชีวิตประจำวัน

แพทย์สามารถประเมินและให้การรักษา เช่น การฉีดยา (Sclerotherapy), เลเซอร์รักษาหลอดเลือด (Endovenous Laser) หรือการรักษาแบบไม่ผ่าตัดอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันทำได้สะดวกและปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยา เพียงฉีดยาชาก็สามารถทำได้ ทำให้การรักษาเส้นเลือดขอดปัจจุบัน เป็นการรักษาแบบเดินมาเดินกลับได้เลย

สรุป

การป้องกันเส้นเลือดขอดสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ได้แก่

  1. ใส่ถุงน่องแรงดัน
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  3. ยกขาสูง
  4. หลีกเลี่ยงการยืนนานหรือนั่งนาน
  5. ควบคุมน้ำหนักและลดอาหารเค็ม

แม้ว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการได้ แต่ ถ้ามีเส้นเลือดขอดแล้ว เพื่อการรักษาในการกำจัดเส้นเลือดเหล่านี้ถาวร  ควรรีบพบแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านหลอดเลือดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง