การรักษาเส้นเลือดขอด/เส้นเลือดฝอยที่ข้อเท้าและเท้า

โดย | เส้นเลือดปูดที่เท้า

ยินดีต้อนรับสู่คลินิกเส้นเลือดขอด
คำแนะนำในการทำความเข้าใจและรักษาเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอยที่ข้อเท้าและเท้า

ทำความเข้าใจเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอย

เส้นเลือดขอดคืออะไร? เส้นเลือดขอดคือเส้นเลือดที่ขยายใหญ่และบิดเบี้ยว มักปรากฏบนขาและเท้า มักมีสีฟ้าหรือสีม่วงเข้มและสามารถบวมและยื่นออกมาจากผิวหนังได้

เส้นเลือดฝอยคืออะไร? เส้นเลือดฝอยคือเส้นเลือดขนาดเล็กที่มีสีแดงหรือสีน้ำเงินที่ปรากฏใกล้ผิวหนัง มักดูเหมือนใยแมงมุมหรือกิ่งไม้และมักพบที่ขาและใบหน้าเช่นกัน

สาเหตุ:

  • พันธุกรรม
  • การยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน
  • โรคอ้วน
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • การตั้งครรภ์
  • อายุ

 

อาการและความเสี่ยง

อาการของเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอย:

  • ขาหนัก ปวดขาเวลาเดิน ยืน
  • ข้อเท้าหรือเท้าบวม
  • อาการคันหรือแสบรอบเส้นเลือด
  • ผิวเปลี่ยนสีรอบเส้นเลือด
  • เส้นเลือดบิดเบี้ยวหรือปูดออกมาให้เห็น

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น:

  • อาการปวดและไม่สบาย
  • แผลเปิดที่ผิวหนัง อาจนำไปสู่เลือดพุ่งออกได้
  • การเกิดลิ่มเลือด

 

ทางเลือกการรักษา

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด:

  • ถุงน่องเส้นเลือดขอด: ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือดและลดการบวม มักเป็นแนวทางแรกในการรักษา
  • การฉีดสารสลายหลอดเลือด: การฉีดสารละลายเข้าไปในเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดสลายและถูกดูดซึมโดยร่างกาย
  • การรักษาด้วยเลเซอร์: ใช้แสงเลเซอร์เพื่อลดหรือกำจัดเส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดขอดขนาดเล็ก

การรักษาแบบไม่ผ่าตัดใหญ่:

  • การอุดหลอดเลือดดำด้วยเลเซอร์: ใช้เส้นใยเลเซอร์นำความร้อนเพื่อปิดเส้นเลือดขอดขนาดใหญ่
  • การอุดหลอดเลือดดำด้วยคลื่นความถี่วิทยุ: ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุเพื่อนำความร้อนปิดเส้นเลือดขอด
  • การผ่าตัดหลอดเลือดขอด: การเอาเข็มสะกิดเส้นเลือดขอดออกผ่าน รูเข็ม

 

สิ่งที่คาดว่าจะเกิดในระหว่างการรักษา

ก่อนการรักษา:

  • การปรึกษา: พูดคุยเกี่ยวกับประวัติความเจ็บป่วยในอดีตและเป้าหมายการรักษาของคุณกับแพทย์
  • การเตรียมตัว: ปฏิบัติตามแนวทางการเตรียมตัวที่แพทย์ให้ การหลีกเลี่ยงยาบางชนิดเช่น น้ำมันปลาหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด

ระหว่างการรักษา:

  • ความเจ็บปวด : เราจะใช้ทุกวิถีทางให้ท่านมีอาการปวดน้อยที่สุด อาจใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความปวด ผ่านเข็มขนาดเล็กนำไปก่อนการทำหัตถการ
  • ระยะเวลา: กระบวนการส่วนใหญ่ใช้เวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
  • กระบวนการ: ขึ้นอยู่กับการรักษา ความรุนแรงของโรคของท่าน

หลังการรักษา:

  • การฟื้นฟู: ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมาทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที แต่คุณอาจได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หนักเกินไปในช่วงสองสามวัน
  • การติดตามผล: จะมีการนัดพบเพื่อการติดตามผลเพื่อประเมินความก้าวหน้า

 

ความปลอดภัยและผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น:

  • อาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งมักจะดีขึ้นหลังสองสัปดาห์
  • ก้อนหรือรอยนูนเล็กน้อย เกิดจากการที่หลอดเลือดขอดได้ตายและมีลิ่มเลือดขังภายใน ทำให้คลำก้อนได้ ซึ่งระยะเวลา 3-6 เดือน มักจะหายไปเอง

เมื่อไหร่ควรติดต่อแพทย์:

  • อาการปวดหรือบวมรุนแรง
  • สัญญาณของการติดเชื้อ (มีไข้, รอยแดง, ความร้อน)
  • ปฏิกิริยาแพ้ต่อการรักษา

 

คำถามที่พบบ่อย

การรักษาเหล่านี้มีประสิทธิภาพแค่ไหน?

ผู้ป่วยส่วนใหญ่เห็นการจางลงของเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอยชัดเจน  รวมถึงอาการช้ำระบมหาย 3 สัปดาห์หลังทำ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้หลายปี  ดังนั้นการติดตามการรักษาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตรวจเฝ้าระวังเส้นเลือดขอดที่กลับมาใหม่

การรักษาเหล่านี้เจ็บไหม?

การรักษาส่วนใหญ่ทำให้เกิดความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย ซึ่งสามารถลดได้ด้วยยาชาเฉพาะที่

ทุกคนสามารถรับการรักษาเหล่านี้ได้ไหม?

ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีเส้นเลือดขอดหรือเส้นเลือดฝอยสามารถทำการรักษาได้  แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ภาพซ้ายแสดงเส้นเลือดขอดที่น่องซ้าย ภาพขวาแสดงเส้นเลือดฝอยที่บริเวณข้อเท้าขวา

แม้เส้นเลือดขอดจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถ้าลุกลามอาจทำให้เกิดแผลเรื้อรัง เลือดออกรุนแรงหรือเส้นเลือดอักเสบได้ การป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงสำคัญมาก

5 วิธีป้องกันเส้นเลือดขอดที่บ้าน

  1. ใส่ถุงน่องแรงดัน (Compression Stockings) ถุงน่องเฉพาะโรคสำหรับโรคเส้นเลือดขอด
  • ช่วยบีบหลอดเลือดดำให้เลือดไหลเวียนกลับหัวใจได้ดี
  • ลดอาการปวด บวม และชะลอการลุกลามของเส้นเลือดขอด
  • ควรเลือกชนิดและแรงดันให้เหมาะสมโดยปรึกษาแพทย์

ภาพแสดงการใส่ถุงน่อง

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การขยับร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อขาทำงานเหมือน “ปั๊มเลือด”
ตัวอย่างการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน:

  • เดินเร็ว (Walking)
  • ยกส้นเท้า (Calf Raises)
  • หมุนข้อเท้า (Ankle Rotations)
  • ปั่นจักรยานในอากาศ (Bicycle Legs)
  1. ยกขาสูงวันละหลายครั้ง
  • การนอนยกขาสูงเหนือระดับหัวใจ 15–30 นาที วันละ 2–3 ครั้ง
  • ช่วยให้เลือดคั่งในหลอดเลือดขาน้อยลง
  • ลดอาการปวดและบวม โดยเฉพาะหลังยืนนาน ๆ
  1. หลีกเลี่ยงการยืนนานหรือนั่งนานเกินไป
  • คนที่ทำงานยืน เช่น พนักงานขาย ครู พยาบาล มีความเสี่ยงสูง
  • ถ้าจำเป็นต้องยืน ควร “ขยับเท้า” หรือ “ก้าวเดินเล็ก ๆ” ทุก 30–60 นาที
  • ถ้านั่งทำงานนาน ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหรือเดินบ้าง
  1. ควบคุมน้ำหนักและลดอาหารเค็ม
  • ภาวะอ้วน เพิ่มแรงดันในหลอดเลือดดำที่ขา ทำให้เสี่ยงเส้นเลือดขอดมากขึ้น
  • ควรกินผัก ผลไม้ ดื่มน้ำเพียงพอ และลดโซเดียม

เมื่อไรควรพบแพทย์?

  • เห็นเส้นเลือดปูดชัดเจนคล้ายเชือกที่ขา
  • มีเส้นฝอยคล้ายใยแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • ปวด หนักขา หรือบวมจนรบกวนชีวิตประจำวัน

แพทย์สามารถประเมินและให้การรักษา เช่น การฉีดยา (Sclerotherapy), เลเซอร์รักษาหลอดเลือด (Endovenous Laser) หรือการรักษาแบบไม่ผ่าตัดอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันทำได้สะดวกและปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยา เพียงฉีดยาชาก็สามารถทำได้ ทำให้การรักษาเส้นเลือดขอดปัจจุบัน เป็นการรักษาแบบเดินมาเดินกลับได้เลย

สรุป

การป้องกันเส้นเลือดขอดสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ได้แก่

  1. ใส่ถุงน่องแรงดัน
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  3. ยกขาสูง
  4. หลีกเลี่ยงการยืนนานหรือนั่งนาน
  5. ควบคุมน้ำหนักและลดอาหารเค็ม

แม้ว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการได้ แต่ ถ้ามีเส้นเลือดขอดแล้ว เพื่อการรักษาในการกำจัดเส้นเลือดเหล่านี้ถาวร  ควรรีบพบแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านหลอดเลือดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง